ตั้งแต่ปี 2019 หรือราว 4 ปีแล้วที่ AIS เปิดตัวโครงการตั้งจุดรับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ชิ้นเล็กตาม AIS Shop สาขาต่างๆ รวมถึงห้างสรรพสินค้า และ AIS ก็จะนำขยะไปกำจัดอย่างถูกวิธี เนื่องจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ ควรแยกและนำไปกำจัดอย่างถูกต้อง
ซึ่ง 4 ปีที่ผ่านมา AIS สามารถรวมรวมขยะได้เกือบ 4 แสนชิ้น ผ่านจุดรับทิ้ง 2,484 จุด แต่ยังมีขยะอิเล็กทรอนิกส์อีก 4 แสนตันต่อปีในไทย ที่ติดตามได้ยากว่าขยะไปอยู่ที่ไหน ได้รับการกำจัดและแยกชิ้นส่วนอย่างถูกวิธีหรือไม่
ล่าสุด AIS ต่อยอดด้วยการเปิดตัวแอปพลิเคชั่น E-Waste+ แอปช่วยกระตุ้นให้คนอยากนำขยะอิเล็กทรอนิกส์มาทิ้งให้ถูกวิธี ติดตามสถานะของขยะได้บนบล็อกเชน โดยระบบคำนวณขยะและปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกที่เราทำได้ จากนั้นก็จะแปลงเป็น Carbon Scores สามารถแชร์ในโซเชียลได้ด้วย
ขยายความอีกนิดคือ E-Waste+ ช่วยให้เห็นการเดินทางของขยะตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ตั้งแต่ ผู้ทิ้งขยะ (Customers) ผู้รับขยะ (Drop Point Agents) การขนส่ง ไปจนถึงปลายทางโรงงานจัดการขยะ เพื่อเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกวิธี ตามมาตรฐานแบบ Zero Landfill
Zero Landfill คือการฝังกลบเป็นศูนย์ หรือการที่เราสามารถนำทุกชิ้นส่วนของขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปใช้ต่อได้ทั้งหมด โดยไม่ต้องฝังกลบเลย ซึ่งต้องมีโรงงานและผู้เชี่ยวชาญในการคัดแยก เพราะการฝังกลบมีโอกาสสูงมากที่จะเกิดสารเคมีปนเปื้อนในหน้าดิน และซึมลงในแหล่งน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายมาก
วิธีการทำงานของแอปพลิเคชั่นคือ เราสามารถค้นหาจุดรับทิ้งได้ (ตอนนี้ยังมีจำนวนจำกัดแต่ AIS ระบุว่าจะพยายามขยายให้มากขึ้นในอนาคต) เมื่อเจอจุดรับทิ้งแล้วก็แสดง QR Code ในแอป หรือแจ้งหมายเลขโทรศัพท์ จากนั้นรอรับ Carbon Scores เมื่อขยะได้รับการคัดแยกถูกวิธี ซึ่งมองเห็นจากในแอปได้ตลอดกระบวนการ
นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “จากสถานการณ์โลกที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต สิ่งที่ตามมาคือ อุปกรณ์ดิจิทัลมีปริมาณเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน ดังนั้นเราจึงทำหน้าที่ 2 ส่วนคือ สร้างการรับรู้และตระหนักถึงโทษภัยของขยะ E-Waste ในขณะเดียวกันก็เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการจัดเก็บและทำลาย E-Wasteอย่างถูกวิธี ทั้งการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ตั้งจุดรับทิ้งและนำไปเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล”
โดยเบื้องต้น AIS มีพาร์ทเนอร์ที่จะเข้ามาใช้แพลตฟอร์ม E-Waste+ แล้วคือ บริษัท เด็นโซ่ อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชีย จำกัด,จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, บริษัท เงินติดล้อ จำกัด, ธนาคารออมสิน และธนาคารกสิกรไทย
ด้าน นายอราคิน รักษ์จิตตาโภค หัวหน้าฝ่ายขับเคลื่อนนวัตกรรม AIS กล่าวเสริมว่า ในการพัฒนาแอปเฟสถัดไป จะสร้างแรงจูงใจให้คนทิ้งขยะให้ถูกวิธีมากขึ้น ผ่านการนำ Carbon Scores มาแลกเป็น AIS Point ได้ และในอนาคตอาจต่อยอดเป็น Carbon Credit ที่เป็นมาตรฐานกลาง ให้บุคคลและองค์กรสร้างรายได้ผ่านวิธีลดการใช้พลังงาน ซึ่งจะเป็น agenda สำคัญขององค์กรใหญ่ทั้งหมด ข่าวธุรกิจแนะนำ>>> เดอะมอลล์ เขย่าค้าปลีกเดือด ผนึก “ไทยเบฟ-ซีพี” พลิกโฉมย่านการค้าบางกะปิ