อิหร่านแบล็กลิสต์เจ้าหน้าที่ระดับสูงยุโรป ตอบโต้บัญชีดำอียู

รัฐบาลอิหร่านคว่ำบาตรรัฐมนตรีฝรั่งเศส และบุคคล ตลอดจนหน่วยงานอีกหลายแห่ง เพื่อตอบโต้มาตรการแบบเดียวกันของสหภาพยุโรป

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 22 ก.พ. ว่ากระทรวงการต่างประเทศอิหร่านออกแถลงการณ์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ขึ้นบัญชีดำบุคคลและหน่วยงานรวม 36 รายชื่อ จากแบ่งเป็นบุคคล 15 คน และหน่วยงาน 13 แห่งจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ( อียู ) และบุคคลสัญชาติสหราชอาณาจักร 8 คน “เนื่องจากให้ความสนับสนุนแก่กลุ่มก่อการร้าย การก่อการร้าย การแทรกแซงกิจการภายใน และการกระตุ้นให้เกิดความรุนแรง” โดยผู้ที่อยู่ในรายชื่อรวมถึง นางอิซาเบล โรม รัฐมนตรีด้านความเท่าเทียมและความหลากหลายทางเพศของฝรั่งเศส

ทันโลกข่าวต่างประเทศ

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัฐบาลเตหะราน เกิดขึ้นหลังอียูประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อายัดทรัพย์สินและระงับการออกวีซ่า ให้แก่รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงวัฒนธรรม นอกเหนือจากบุคคลอีก 30 คน และองค์กรอีกสองแห่ง ฐานมีความเกี่ยวข้องกับการประท้วง ซึ่งยืดเยื้อตั้งแต่เดือนก.ย. ปีที่แล้ว โดยมีชนวนเหตุจากการที่น.ส.มาห์ซา อมินี หญิงสาววัย 22 ปี เสียชีวิตระหว่างอยู่ภายในการควบคุมตัวของตำรวจศีลธรรม

ติดตามข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่ : “โจ ไบเดน” แถลงนโยบายประจำปี เรียกร้องคองเกรสจับมือแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

“โจ ไบเดน” แถลงนโยบายประจำปี เรียกร้องคองเกรสจับมือแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

“โจ ไบเดน” แถลงนโยบายประจำปี เรียกร้องคองเกรสจับมือแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กล่าวแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภา หรือ “สเตท ออฟ เดอะ ยูเนียน” ประจำปี ที่อาคารรัฐสภาเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น (8 ก.พ.) ท่ามกลางความแตกแยกทางการเมือง โดยเรียกร้องสภาคองเกรสให้ทำงานร่วมกับเขา เพื่อร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสร้างความสมานฉันท์ภายในชาติ

ในการปราศรัยความยาว 73 นาที นายไบเดน พยายามฉายภาพของสหรัฐฯ ที่ได้รับการฟื้นฟูขึ้นอย่างมากในช่วง 2 ปีที่เขาดำรงตำแหน่ง จากสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และการระบาดของโควิด-19 ไปสู่การจ้างงานจำนวนมาก และประชาธิปไตยที่รอดพ้นจากการทดสอบครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามกลางเมือง

ในการแถลงนโยบายประจำปีครั้งแรกหลังจากที่รีพับลิกันเข้าคุมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเดือน ม.ค. ไบเดน เรียกร้องให้สภาชิกสภาคองเกรสซึ่งมีความแตกแยกกันอย่างหนัก ก้าวข้ามความเห็นต่าง และหันมาร่วมมือกันทำงานเพื่อชาวอเมริกัน

อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐฯ ยังต้องพิสูจน์ข้อเรียกร้องดังกล่าวด้วยการโน้มน้าวให้สภาคองเกรสยอมขยายเพดานหนี้ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้สำเร็จภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้สหรัฐฯ ต้องผิดนัดชำระหนี้

โจ ไบเดน

ทำเนียบขาวยืนยันว่า ไบเดน มองเรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็นที่เจรจาต่อรองไม่ได้ ในขณะที่พรรครีพับลิกันเรียกร้องให้รัฐบาลตัดลดงบประมาณส่วนอื่นๆ เพื่อแลกกับการสนับสนุนมาตรการดังกล่าว

เขากล่าวด้วยว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ประชาธิปไตยเผชิญกับภัยคุกคามรุนแรง ซึ่งเป็นการอ้างถึงเหตุรุนแรงเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 ที่มีกลุ่มต่อต้านบุกรุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ซึ่งจนถึงวันนี้ก็ยังมีความบอบช้ำปรากฏอยู่ แต่ไม่ได้สร้างความเสียหายต่อประชาธิปไตยของอเมริกา นอกจากนี้ยังมีความท้าทายจากโรคระบาดใหญ่โควิด-19 ที่ทำให้ต้องปิดโรงเรียนและธุรกิจต่างๆ เศรษฐกิจหยุดชะงัก แต่สุดท้ายแล้วสหรัฐฯ ก็ยังสามารถเอาชนะได้ และอ้างว่ารัฐบาลของเขาสามารถสร้างงานใหม่ 12 ล้านตำแหน่ง ในเวลา 2 ปี ซึ่งมากกว่าประธานาธิบดีทุกคนที่มีการทำงานในวาระ 4 ปี

ผู้นำสหรัฐฯ ยังกล่าวถึงข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการปฏิรูปตำรวจ โดยระบุว่าเจ้าหน้าที่ที่ทำลายความไว้วางใจของประชาชน จะต้องถูกดำเนินคดี พร้อมทั้งเสนอให้เพิ่มการฝึกอบรมที่จำเป็นและกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงานที่สูงขึ้นสำหรับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย

ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวถึงจีนว่า เขาเปิดกว้างที่จะทำงานร่วมกับจีน เพื่อพัฒนาผลประโยชน์ของอเมริกาและเป็นประโยชน์ต่อโลก แต่หากจีนคุกคามอธิปไตยของสหรัฐฯ สหรัฐฯ ก็พร้อมจะปกป้องประเทศของเรา

นอกจากนี้ ไบเดนยังกล่าวถึงการสู้รบในยูเครน โดยเน้นย้ำถึงการสนับสนุนของสหรัฐฯ ต่อยูเครนในการเผชิญกับการรุกรานของรัสเซีย ในขณะที่สงครามใกล้จะครบรอบหนึ่งปี เขากล่าวว่า อเมริกาคือผู้นำในการรวมพันธมิตรนาโตและทั่วโลกเพื่อร่วมกับชาวยูเครนในการต่อต้านรัสเซีย

ด้านคณะทำงานของนายไบเดนมองว่าสุนทรพจน์ครั้งนี้จะดึงดูดผู้ชมหลายล้านคน และอาจจะเป็นการแถลงทางโทรทัศน์ของนายไบเดนครั้งใหญ่ที่สุดประจำปี ถือเป็นก้าวสำคัญก่อนการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งที่สอง ที่คาดว่าจะเปิดตัวในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

ไบเดนมีอายุครบ 80 ปีเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และหากได้รับเลือกอีกครั้ง เขาจะมีอายุ 82 ปีเมื่อเริ่มดำรงตำแหน่งในวาระที่สอง

ในแบบสำรวจความคิดเห็นของ รอยเตอร์ / อิปซอส เมื่อวันอาทิตย์ คะแนนนิยมของนายไบเดนขยับสูงขึ้นหนึ่งจุดเป็น 41% ซึ่งใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดในตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา โดยชาวอเมริกัน 65% เชื่อว่าประเทศกำลังเดินผิดทาง เทียบกับ 58% ในปีก่อนหน้า

อ่านข่าวเพิ่มเติม : ซินเจียงมี ‘หน่วยธุรกิจในตลาด’ มากกว่า 2.2 ล้านราย

ซินเจียงมี ‘หน่วยธุรกิจในตลาด’ มากกว่า 2.2 ล้านราย

สำนักบริหารและการกำกับดูแลตลาดเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน

เปิดเผยว่าซินเจียงมีหน่วยธุรกิจในตลาด (Market Entity) รวมเกือบ 2.24 ล้านราย เมื่อนับถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2022 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 เมื่อเทียบปีต่อปี

ซินเจียงได้ดำเนินสารพัดมาตรการเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและความเหมาะสมของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในท้องถิ่น และเผยแพร่แผนปฏิบัติการระยะ 3 ปี เมื่อไม่นานนี้ เพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและดึงดูดหน่วยธุรกิจในตลาดเพิ่มขึ้นหลี่ฉางซิว เจ้าหน้าที่คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปของซินเจียง ระบุว่าคณะกรรมการฯ จะเดินหน้าเผยแพร่นโยบายและมาตรการด้านสภาพแวดล้อมทางธุรกิจสำหรับหน่วยธุรกิจในตลาด เพื่อกระตุ้นพลังการพัฒนาและสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพสูงของเศรษฐกิจท้องถิ่น

ทันโลกข่าวต่างประเทศ.jpg4

อ่านข่าวเพิ่มเติม : ร้านเนื้อสัตว์นิวซีแลนด์ ขายไส้กรอกพระเจ้าชาร์ลสที่ 3

 

“สี จิ้นผิง” เลี่ยงทานอาหารเย็นกับ “ปูติน” อ้างปฏิบัติตามนโยบายโควิด

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ไม่ได้เข้าร่วมการรับประธานอาหารเย็นกับผู้นำจาก 11 ประเทศ

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ไม่ได้เข้าร่วมการรับประธานอาหารเย็นกับผู้นำจาก 11 ประเทศ รวมถึงประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในการประชุมสุดยอดความมั่นคงของภูมิภาค เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายโควิด-19 ของคณะผู้แทนของปธน.สี

ข่าวต่างประเทศวันนี้

ปธน.สี ซึ่งเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กำลังเข้าร่วมการประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ซึ่งนำโดยจีนกับรัสเซียที่เมืองซามาร์กันต์ ประเทศอุซเบกิสถานในสัปดาห์นี้

อย่างไรก็ตาม ปธน.สีไม่ได้เข้าร่วมถ่ายภาพหมู่กับกลุ่มผู้นำประเทศในช่วงเย็นวันพฤหัสบดี (15 ก.ย.) ในระหว่างที่ผู้นำเหล่านี้รับประธานอาหารเย็น

แหล่งข่าวยืนยันว่า ปธน.สีไม่ได้เข้าร่วมรับประทานอาหารเย็น และทางคณะผู้แทนของจีนอ้างว่าเป็นเพราะนโยบายโควิด-19

ด้านกระทรวงการต่างประเทศของจีนยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นใด ๆ กับเรื่องดังกล่าว

ทั้งนี้ ปธน.สี วัย 69 ปี เตรียมที่จะดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศเป็นสมัยที่ 3 ในการประชุมของพรรคคอมมิวนิสต์ที่จะมีขึ้นในเดือนหน้า ซึ่งจะเป็นการดำรงตำแหน่งที่ยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์